ParaFIT (พาราฟิต) น้ำยางพาราข้นชนิดใหม่สำหรับผลิตหมอนและที่นอนยางพารา

ParaFIT (พาราฟิต) น้ำยางพาราข้นชนิดใหม่สำหรับผลิตหมอนและที่นอนยางพารา

ที่มา
น้ำยางพาราข้นเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ทำผลิตภัณฑ์หมอนและที่นอนยางพารา แต่น้ำยางพาราข้นที่ใช้ในปัจจุบันมีส่วนผสมของแอมโมเนีย ซิงก์ออกไซด์ และเตตระเมทิลไทยูแรมไดซัลไฟด์ เพื่อป้องกันการบูดเน่าของน้ำยาง อย่างไรก็ดี แอมโมเนียเป็นสารเคมีที่ระเหยง่าย มีกลิ่นฉุนรุนแรงมาก ทำลายสุขภาพ สร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และทำให้น้ำยางพาราข้นมีสมบัติไม่คงที่ ส่วนซิงก์ออกไซด์มีโลหะหนัก และเตตระเมทิลไทยูแรมไดซัลไฟด์เป็นสารที่ก่อให้เกิดสารไนโตรซามีน (สารก่อมะเร็ง) นอกจากนี้ การนำน้ำยางพาราข้นดังกล่าวไปผลิตหมอนและที่นอนยางพาราต้องมีขั้นตอนการบ่มและการกำจัดแอมโมเนียให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก่อนด้วย

เป้าหมาย

  • วิจัยและพัฒนาน้ำยางพาราข้นชนิดใหม่ (ParaFIT) ที่เป็นมิตรกับคนและสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมี และลดระยะเวลาการบ่มน้ำยางพาราข้น สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตหมอนและที่นอนยางพาราที่มีคุณภาพดี ทดแทนการใช้น้ำยางพาราข้นทางการค้า

ทีมวิจัยทำอย่างไร

  • พัฒนาสูตรน้ำยาง ParaFIT ให้มีปริมาณแอมโมเนียต่ำที่สุด มีปริมาณซิงก์ออกไซด์ และเตตระเมทิลไทยูแรมไดซัลไฟด์น้อยลง และใช้เวลาในการบ่มที่สั้นลง ก่อนนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการทำผลิตภัณฑ์ยาง
  • ทดลองผลิตน้ำยาง ParaFIT โดยใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมของโรงงานผลิตน้ำยางพาราข้น และทดสอบสมบัติของน้ำยาง ParaFIT ที่ได้ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก. 980-2552 และ ISO 2004-2017)
  • ทดลองผลิตหมอนและที่นอนยางพาราจากน้ำยาง ParaFIT โดยใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมของโรงงานผลิตหมอนและที่นอนยางพารา และทดสอบสมบัติของหมอนและที่นอนยางพาราที่ได้ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก. 2741-2559 และ มอก. 2747-2559)

คุณสมบัติ

  • ลดปริมาณแอมโมเนีย: มีปริมาณแอมโมเนียต่ำกว่า 20% โดยน้ำหนักน้ำยาง (น้ำยางพาราข้นทางการค้ามีปริมาณแอมโมเนีย 0.3-0.7% โดยน้ำหนักน้ำยาง) จึงไม่ต้องมีขั้นตอนการกำจัดแอมโมเนียออกจากน้ำยางพาราข้นก่อนนำไปผลิตหมอนและที่นอนยางพารา ซึ่งเป็นมิตรกับคนและสิ่งแวดล้อม
  • ลดปริมาณ ZnO และ TMTD: มีปริมาณซิงก์ออกไซด์ และเตตระเมทิลไทยูแรมไดซัลไฟด์น้อยกว่าน้ำยางพาราข้นทางการค้า (ชนิด LA และ MA) 30% โดยน้ำหนักน้ำยาง จึงช่วยลดปริมาณการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตน้ำยางพาราข้น
  • ประหยัดเวลาและงบประมาณ: นำไปใช้งานได้ทันทีภายใน 1-3 วันหลังจากวันผลิต (ไม่ต้องบ่มน้ำยางในถังพักไว้ 21 วันเหมือนน้ำยางพาราข้นทางการค้า) จึงช่วยลดเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อน้ำยางพาราสดและประหยัดเงินลงทุนในการสร้างอุปกรณ์จัดเก็บน้ำยางพาราข้น
  • ยืดอายุการเก็บรักษา: มีอายุการเก็บรักษานานกว่า 6 เดือน


สถานภาพงานวิจัย

  • จดทะเบียนความลับทางการค้า เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2561
  • มีการผลิตน้ำยาง ParaFIT ในระดับอุตสาหกรรมแล้วโดยสหกรณ์การเกษตรบ้านแพรกหา จำกัด
  • มีการผลิตหมอนและที่นอนยางพาราจากน้ำยาง ParaFIT จำหน่ายเชิงพาณิชย์แล้ว ภายใต้แบรนด์ “หมอนและที่นอนเปี่ยมสุข”
    แผนงานในอนาคต
    ขยายการใช้ประโยชน์น้ำยาง ParaFIT สู่ภาคชุมชนและภาคอุตสาหกรรม

ทีมวิจัย:
เอ็มเทค: ปิยะดา สุวรรณดิษฐากุล, สุริยกมล มณฑา, ภิพัฒชา รักดี, ธนิกา พัฒโนทัย และ ฉวีวรรณ คงแก้ว

ติดต่อ:
ฉวีวรรณ คงแก้ว

นักวิจัยอาวุโส กลุ่มวิจัยนวัตกรรมการแปรรูปยาง

โทรศัพท์ 02 5646 500 ต่อ 4503

อีเมล chaveer@mtec.or.th