วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566
ณ ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและ
วัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดสัมมนาติดอาวุธอุตสาหกรรมไทย ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการต่อยอดธุรกิจด้วยการออกแบบตามหลักคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (CE Design in Action) ปีที่ 2 ย้ำความสำเร็จของโครงการฯ การประยุกต์ใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในการออกแบบของสถานประกอบการเพื่อลดการปลดปล่อยขยะของเสียที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ดร.ธีรวุธ ตันนุกิจ ผู้อำนวยการกองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ผ่านมาพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของเศรษฐกิจเส้นตรง
(Linear Economy) ที่เน้นการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้เพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ และเมื่อผลิตภัณฑ์สิ้นอายุการใช้งานหรือไม่ใช้แล้วจะถูกทิ้ง (Take-Make-Dispose) กลายเป็นขยะหรือของเสียที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตส่วนใหญ่ถูกออกแบบโดยไม่ได้คำนึงถึงการนำกลับมาใช้ซ้ำ การรีไซเคิล หรือการจัดการซากผลิตภัณฑ์เมื่อสิ้นอายุการใช้งานหรือไม่ใช้แล้ว รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอด
วัฏจักรชีวิต (Life Cycle) ของผลิตภัณฑ์ แต่เน้นให้ความสำคัญกับประเด็นด้านอื่นเป็นหลัก เช่น ราคา ทั้งยังมี
การออกแบบในลักษณะที่ทำให้อายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์สั้นกว่าที่ควรจะเป็น รวมทั้งจูงใจให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่กว่า ส่งผลให้ปริมาณขยะหรือของเสียทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณสำรองทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่จำกัดทั่วโลกลดลง และมีแนวโน้มขาดแคลนเพิ่มขึ้น
การออกแบบตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Design for Circular Economy) จึงเป็นการจัดการกับปัญหาตั้งแต่ต้นทาง และเป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจเส้นตรงไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน โดยเน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่จำกัดให้น้อยที่สุดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพิ่มสัดส่วนการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนให้มากขึ้น รักษาคุณค่าของทรัพยากรในระบบและหมุนเวียนใช้ให้นานที่สุด และลดการปลดปล่อยของเสียออกจากระบบ
ให้น้อยที่สุด เพื่อก่อให้เกิดรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาและบริหารจัดการวัตถุดิบ
ทั้งวัตถุดิบจากแหล่งแร่ธรรมชาติ (Primary Raw Materials) และวัตถุดิบทุติยภูมิที่ได้จากการรีไซเคิลขยะหรือของเสีย (Secondary Raw Materials) เพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบให้แก่ภาคอุตสาหกรรม รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนของผู้ประกอบการไทย รวมทั้งได้รับ
มอบหมายให้เป็น Focal Point ด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้จัดทำ “โครงการส่งเสริมการออกแบบตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน” ขึ้น เพื่อเป็น
ส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Circular Economy ของประเทศและมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามนโยบายรัฐบาล โดยมี
เอ็มเทค เป็นที่ปรึกษาโครงการ และปีนี้เป็นการดำเนินงานในปีที่ 2 ซึ่งเกิดจากผลสำเร็จและการตอบรับที่ดีจาก
ผู้ประกอบการในปี 2565 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้ มีตัวอย่างผลสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจากสถานประกอบการ
ที่เข้าร่วมโครงการและได้รับคำปรึกษาแนะนำเชิงลึก จำนวน 6 ราย และงานสัมมนาวันนี้ มีสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในปีที่ผ่านมา มาร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผลสำเร็จจากการติดอาวุธด้านการออกแบบตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และจากผลสำเร็จที่เกิดขึ้น ประกอบกับยังมีผู้ประกอบการอีกเป็นจำนวนมากให้ความสนใจ
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) จึงได้ขยายผลการดำเนินงานโครงการนี้ในปีงบประมาณ 2567
เป็นปีที่ 3 สำหรับท่านผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามและสมัครเข้าร่วมโครงการได้จากเว็บไซต์ของกรมฯ
รศ.ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. กล่าวว่า
การจัดสัมมนา ติดอาวุธอุตสาหกรรมไทย ต่อยอดธุรกิจด้วยการออกแบบตามหลักคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
(CE Design in Action) ในวันนี้ เป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้ “โครงการส่งเสริมการออกแบบตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Design for Circular Economy) เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
โดยได้รับการสนับสนุนจาก กองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ Circular Economy ที่มีการหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับนโยบายและทิศทางการพัฒนาประเทศของรัฐบาล ถ่ายทอดประสบการณ์การประยุกต์ใช้แนวทาง Design for Circular Economy ของอุตสาหกรรมไทย เพื่อพัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมให้มีการประยุกต์หลักคิด Circular Economy ในการออกแบบ เอ็มเทค ได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ของ
กลุ่มวิจัย ผนวกกับการใช้กลไกเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการของเอ็มเทคที่มีอยู่ทั้งในและต่างประเทศ เป็นพี่เลี้ยงให้แก่ผู้ประกอบการ โดยถ่ายทอดข้อมูลและความรู้ที่ถูกต้องในรูปแบบการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกผ่านการจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ กระบวนการผลิต การเลือกใช้วัตถุดิบ
การใช้งาน การจัดการเมื่อสิ้นอายุการใช้งานหรือไม่ใช้แล้ว ตามหลักคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
สำหรับตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม “โครงการส่งเสริมการออกแบบตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน” ขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในขับเคลื่อน Circular Economy ของประเทศ
และมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามนโยบายรัฐบาล โดยมี เอ็มเทค เป็นที่ปรึกษาโครงการ เช่น บริษัท เคนไซ ซีรามิคส์
อินดัสตรี้ จํากัด ผู้ผลิตและส่งออกกระเบื้องปูพื้นชั้นนำของไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการต้นแบบของโครงการฯ เพื่อยกระดับกระบวนการผลิต ลดของเสีย และคงคุณค่า
ของทรัพยากรให้ได้มากที่สุด โดยบริษัท เคนไซซีฯ มีโจทย์สำคัญที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเศษกระเบื้องเหลือทิ้ง
ภายในโรงงาน เพื่อมุ่งสู่ Zero Waste และต้องการนำของเสียจากโรงงานเซรามิกอื่นๆ มาสร้างมูลค่าเพิ่มได้ด้วย
ทีมวิจัย เอ็มเทค สวทช. จึงร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งแต่เดิมมีการนำเศษเซรามิกบดมาทำเป็นผลิตภัณฑ์
‘อิฐน้ำซึมผ่านเร็ว’ แต่ยังเหลือเศษผงเซรามิกขนาดเล็ก อีกทั้งเศษเซรามิกแบบมีเคลือบจากโรงงานอื่นยังไม่เหมาะสำหรับการทำอิฐน้ำซึมผ่านเร็ว จึงได้ประเมินหาโซลูชั่นใหม่ ที่ใช้เศษผงเซรามิกและเศษเซรามิกแบบมีเคลือบได้ 100% รวมทั้งศึกษาเก็บข้อมูลการใช้และการหมุนเวียนทรัพยากรในระบบเพื่อออกแบบกระบวนการใหม่ที่ใช้ทรัพยากรและพลังงานให้น้อยที่สุด ซึ่งนำมาสู่แนวคิดการออกแบบการผลิตอิฐบล็อกช่องลมที่ลดการพึ่งพาวัตถุดิบปฐมภูมิหรือทรัพยากรธรรมชาติ โดยใช้เศษเซรามิกมาเป็นวัตถุดิบตั้งต้นและใช้กระบวนการผลิตที่ไม่ต้องเผา ทำให้ช่วยลดการใช้พลังงานและต้นทุนการผลิตอย่างมาก นอกจากนี้กระบวนการที่พัฒนาขึ้นใหม่ยังสามารถนำกระเบื้องเหลือทิ้งกลับมา
รีไซเคิลได้ทั้งหมด ซึ่งผลการประเมินสมดุลการไหลของวัสดุ (Mass Balance) พบว่าแทบไม่มีของเสียเกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต นอกจากนี้ ทีมวิจัย เอ็มเทค สวทช. ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนา ‘สูตรการผลิตอิฐบล็อก
ช่องลม’ โดยใช้เศษเซรามิกเป็นวัตถุดิบทดแทนทรายซึ่งเป็นวัตถุดิบปฐมภูมิในการทำชิ้นงานตัวอย่าง พร้อมทั้งทดสอบคุณสมบัติ เช่น กำลังรับแรงอัด การดูดซึมน้ำ และความหนาแน่น พบว่าต้นแบบอิฐบล็อกช่องลมที่ได้จากเศษเซรามิก
นั้นมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับอิฐบล็อกช่องลมทั่วไปที่วางขายตามท้องตลาด โดยหลังจากวิจัยและพัฒนาแล้วเสร็จ
ทางทีมวิจัยได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าวแก่โรงงานเพื่อดำเนินการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบ สำหรับใช้ต่อยอดเพื่อจำหน่ายต่อไปอนาคต ทั้งนี้ภายในงานยังมีตัวอย่างความสำเร็จของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการอีกมาก อาทิ บริษัท ยูเนี่ยนไพโอเนียร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดันตรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทอื่น ๆ เป็นต้น