บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด

วิสัยทัศน์ ‘ทรายแมวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ ของ
บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด

คุณฉัตรชัย เลิศวิวัฒน์กุล กรรมการ บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง โดยอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก และอันดับที่ 1 ในอาเซียน และโดยภาพรวมแล้วตลาดส่งออกสินค้าอาหารสัตว์กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด เป็นผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว (pet snack) และจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว มานานกว่า 50 ปี และเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาหารสัตว์ของไทย โดยส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอีกหลายประเทศในเอเชีย

คุณฉัตรชัย เลิศวิวัฒน์กุล กรรมการ บริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจของอาหารสัตว์เลี้ยงว่า

“ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าธุรกิจของสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตมากนานกว่า 10 ปี โดยเฉพาะในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดยสินค้าของแมวมีการเติบโตมากกว่าของสุนัขค่อนข้างมากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแต่เดิมบริษัทฯ เน้นสินค้าของสุนัขเป็นหลัก ทำให้ปัจจุบันสนใจดำเนินธุรกิจสินค้าเกี่ยวกับแมวเพิ่มขึ้น เป็นที่มาของการผลิตทรายแมว”

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์สุนัขและแมวของบริษัท เอส.ไอ.พี.สยามอินเตอร์แปซิฟิค จำกัด

เมื่อตลาดอาหารและสินค้าสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตสูง ทำให้สินค้าในตลาดมีการแข่งขันสูงตามไปด้วย สิ่งที่เป็นจุดขายของสินค้าของบริษัทฯ คือต้องมีความแตกต่าง

คุณฉัตรชัยกล่าวว่า “ตลาดสินค้าของสัตว์เลี้ยงมีการแบ่งกลุ่มตามผู้บริโภคหรือเจ้าของ เช่น สินค้าแบรนด์ทั่วไป (mass) สินค้าเกรดพรีเมียม (premium) สินค้ารักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น สินค้าทรายแมวที่ขายอยู่หลักในท้องตลาดส่วนใหญ่จะทำมาจากเบนโทไนท์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ราคาไม่สูง แต่ปัญหาของเบนโทไนท์คือไม่สามารถฝังกลบหรือทิ้งในชักโครกได้ และย่อยสลายได้ไม่ดี บริษัทฯ จึงสนใจตลาดกลุ่มลูกค้ารักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อาศัยบนคอนโดซึ่งหาที่ทิ้งทรายแมวใช้แล้วลำบาก รวมทั้งความต้องการของตลาดที่บริษัทฯ ส่งออกด้วย โดยในต่างประเทศให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในระยะยาวด้วย”

“เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาสูตรทรายแมวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ จึงได้ค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ จนพบว่า เอ็มเทค สวทช. มีนักวิจัยหลากหลายสาขา จึงสนใจติดต่อเสนอโจทย์พูดคุยร่วมหาแนวทางวิจัยพัฒนาสูตรทรายแมวที่สามารถทิ้งในชักโครกได้ พบว่านักวิจัยมีความรู้พื้นฐานด้านวัสดุและมีความเข้าใจเรื่องทรายแมวอยู่ด้วย จึงสามารถช่วยพัฒนาสูตรทรายแมวจากวัตถุดิบทางการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ตามที่บริษัทฯ ต้องการได้”

อย่างไรก็ดี คุณฉัตรชัยเสริมว่า “แต่ยังมีปัญหาเรื่องเครื่องจักรในการผลิตให้ได้ในระดับอุตสาหกรรมเพื่อให้สามารถจำหน่ายในท้องตลาดได้ จึงต้องปรับปรุงกระบวนการและเครื่องจักรในการผลิตใหม่ ซึ่งการทำงานก็ได้รับความร่วมมือจากทีมวิจัยซึ่งเอาใจใส่และพยายามช่วยแก้ไขปัญหา การทำงานราบรื่นดี และพอใจกับทีมงานเจ้าหน้าที่ของเอ็มเทคที่ช่วยประสานงานได้อย่างรวดเร็วจนงานประสบความสำเร็จ”

ภาพผลงานต้นแบบทรายแมวที่เอ็มเทคร่วมพัฒนา

บริษัทฯ มีแนวคิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนการทำงานให้เหมาะกับยุคสมัย ต้องการนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต คุณฉัตรชัยอธิบายว่า “ปัญหาแรงงานและค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานในประเทศยังคงเป็นปัญหาของภาคอุตสาหกรรมไทย เกิดการขาดแคลนแรงงาน เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขัน บริษัทฯ จึงสนใจปรับเปลี่ยนเอาระบบควบคุมอัตโนมัติ เข้ามาช่วยในบางกระบวนการด้วย”

ส่วนปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันผลงานวิจัยไปสู่สินค้าที่ออกสู่ตลาดได้นั้น คุณฉัตรชัย กล่าวว่า “โดยทั่วไปแล้วงานวิจัยต้องตอบโจทย์ของบริษัทฯ ได้ และต้องมีความเป็นไปได้ในการขยายผลสู่ระดับอุตสาหกรรมด้วย เมื่อผลที่ได้ออกมาในระดับห้องปฏิบัติการเป็นที่น่าพอใจแล้ว หากขยายสเกลใหญ่ขึ้นไม่มีการปรับหรือปรับเล็กน้อยก็จะดีมาก และการปรับต้องอยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้หรืออยู่ในต้นทุนที่รับได้”

ในอนาคตนอกจากการพัฒนาสินค้าแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ (Carbon Footprint) คุณฉัตรชัยให้ข้อมูลว่า “ปัจจุบันอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงยังไม่บังคับใช้การประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ แต่มองว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า น่าจะเกิดผลกระทบขึ้น เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัทฯ เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ทำการตลาดกับคู่ค้าธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งอาจจะต้องถูกบังคับใช้ในอนาคต”

“ถ้าเราเริ่มไว้ก่อนล่วงหน้าและมีผู้เชี่ยวชาญของเอ็มเทค สวทช. มาช่วยให้คำแนะนำ จัดเก็บข้อมูลสำคัญ หรือปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ถือเป็นแนวทางที่บริษัทตั้งใจและเพื่อตอบรับกระแสของลูกค้าที่มองหาสินค้าที่รักษสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถทำได้ก่อน เตรียมก่อน ก็จะดี” คุณฉัตรชัยกล่าวปิดท้าย