วันที่ 13 กันยายน 2567
ณ อาคารเอ็มเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย
สำนักการเกษตรต่างประเทศ (สกต.) สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดงาน “ชวนคิดชวนคุย เรื่อง แผนที่ป่าไม้ของประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ EUDR” เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EU Regulation on Deforestation-free products: EUDR) ที่จะมีผลบังคับใช้ในทางปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2567
งานเริ่มต้นด้วยการกล่าวต้อนรับโดย รศ.ดร. เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช. และคุณธนารักษ์ พงษ์เภตรา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร ซึ่งได้กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการเตรียมความพร้อมรับมือกับ EUDR
จากนั้น ได้รับเกียรติจาก ดร.วนิดา กำเนิดเพ็ชร์ ผู้อำนวยการสำนักการเกษตรต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเปิดงาน และ Mr. Michael Bucki, Counselor for environment, agriculture, and health, European Union Delegation to Thailand ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ EUDR และมุมมองในการรับมือ จากนั้น คุณธนารักษ์ พงษ์เภตรา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร นำเสนอความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ EUDR โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการขอให้ภาครัฐเร่งแต่งตั้งหน่วยงานที่จะเป็น Thai National Focal Point ในเรื่องนี้
ขณะที่ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์, การยางแห่งประเทศไทย, สำนักงานเศรษฐกิจการป่าไม้ กรมป่าไม้, สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) สำนักนายกรัฐมนตรี นำเสนอสถานภาพและความคืบหน้าในการเตรียมการด้านข้อมูลแผนที่ป่าไม้และระบบที่เกี่ยวข้อง
ไฮไลท์สำคัญของงานคือการระดมความคิดเห็นเรื่อง “Thai Legal Forest Map เพื่อรองรับ EUDR และประเด็นที่เกี่ยวข้อง” โดยมี ดร.นพดล คีรีเพ็ชร ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เป็นผู้ดำเนินรายการ โดย ดร.นพดล ได้แสดงให้เห็นข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่ป่าตามหลักเกณฑ์ที่ EUDR อ้างอิงคือ The global forest cover map of 2020 (GFC2020) กับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติของไทยในปีเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีพื้นที่เกือบ 50 ล้านไร่ ที่ประเทศไทยไม่นับว่าเป็นป่า แต่ปรากฎว่าเป็นพื้นที่ป่าตามแผนที่ GFC2020 ดังนั้น จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการพิจารณาเรื่อง แผนที่ป่าไม้ของไทย และการพัฒนาให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของ EUDR รวมถึงความสำคัญของการพัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการ ตรวจสอบพื้นที่ เพาะปลูก (Plot of land) ว่าเสี่ยงตกอยู่ในพื้นที่ป่าตามนิยามของ EUDR หรือไม่ เพื่อช่วยในการตัดสินใจก่อนส่งสินค้าไป EU
นอกจากนี้ ผู้ร่วมประชุม โดยเฉพาะจากภาคเอกชน ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์ไม้ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และกลุ่มอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ ซึ่งไม่มีหน่วยงานรัฐที่ดูแลโดยตรงเหมือนผลิตภัณฑ์ยาง ยังได้แสดงความต้องการให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนและได้ให้ข้อคิดเห็นในประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบการจัดทำ Due Diligence Statement (DDS) ที่ช่วยผู้ส่งออกในประเทศ การกำหนดแนวทางในการตรวจสอบย้อนกลับที่แหล่งกำเนิดผลิตภัณฑ์ (Traceability system) เป็นต้น
การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของ EUDR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อันจะช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหภาพยุโรป และส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน