ถุงห่อ Magik Growth ปกป้องทุเรียนจากโรคและแมลง ช่วยลดต้นทุนจากการใช้สารเคมี

เรียบเรียงโดย งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ
ดร.ณัฐภพ สุวรรณเมฆ จากทีมวิจัยสิ่งทอ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ร่วมกับ ผศ.ดร. ลำแพน ขวัญพูล จากคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นำถุงห่อ Magik Growth มาห่อผลทุเรียนในสวนของคุณนวลนภา เจริญรวย เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลดต้นทุนการดูแล และลดปริมาณการใช้สารเคมีกำจัดโรคและแมลง รวมถึงผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและความสุกแก่ของผลทุเรียนที่ได้รับการห่อ
ทุเรียนเป็นผลไม้เศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีมูลค่าการส่งออกสูง อย่างไรก็ดี การปลูกทุเรียนมักประสบปัญหาจากโรคและแมลง เช่น หนอนเจาะผล เพลี้ยแป้ง และราดำ ทำให้เกษตรกรต้องฉีดพ่นสารเคมีในช่วงที่ผลทุเรียนกำลังเจริญเติบโตและสร้างพู คือช่วงที่ผลมีอายุ 60-120 วัน โดยฉีดสัปดาห์ละครั้งตลอดช่วง 2 เดือนก่อนตัดผล
ภาพที่ 1 การฉีดพ่นสารเคมีกำจัดโรคและแมลงที่ผลทุเรียน
คุณนวลนภา เจริญรวย เจ้าของสวนทุเรียนที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ผู้มีประสบการณ์ในการทำสวนทุเรียนประมาณ 10 ปีเล่าว่า เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วเคยเลิกใช้สารเคมีป้องกันโรคและแมลง แต่ผลผลิตเสียหายเกินเกณฑ์การยอมรับได้ ต่อมาได้แนวคิดเรื่องการใช้ถุงตาข่ายสีฟ้าจากการห่อขนุนจึงนำมาปรับใช้กับทุเรียน ซึ่งผลที่ได้จากการมองด้วยตาก็น่าพอใจ
อย่างไรก็ดี การใช้ถุงตาข่ายสีฟ้ามีข้อด้อยคือ การแกะถุงออกเพื่อให้ผลทุเรียนโดนแดดก่อนการเก็บเกี่ยว 1 อาทิตย์ทำได้ลำบากและใช้เวลานาน โดยเฉพาะการห่อผลกลุ่มซึ่งมีประมาณ 2-3 ผล เนื่องจากเมื่อผลขยายใหญ่ หนามของทุเรียนจะเกี่ยวกับถุงตาข่าย แต่ต่อมาเมื่อได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ลำแพนให้ทดลองใช้ถุงห่อ Magik Growth ก็พบว่าการแกะถุงง่ายกว่ามาก
ภาพที่ 2 โรคและแมลงในทุเรียน หนอนเจาะผล (ซ้าย) เพลี้ยแป้ง (ขวา) และราดำ (ล่าง)
รู้จักนวัตกรรม Magik Growth
Magik Growth เป็นวัสดุเสริมการเพาะปลูกชนิดสปันบอนด์นอนวูเวน (spunbond nonwoven) ที่ ดร.ณัฐภพ สุวรรณเมฆ และทีมวิจัยสิ่งทอ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) คิดค้นสูตรโพลิเมอร์คอมพาวด์จากการเลือกใช้ชนิดของโพลิเมอร์ เม็ดสี และสารเติมแต่งต่างๆ เช่น สารป้องกันยูวี และดัดแปรเนื้อวัสดุให้มีสมบัติพิเศษต่างๆ ได้แก่ มีโครงสร้าง 3 มิติในลักษณะที่เส้นใยสานกันไปมา ทำให้มีรูพรุนและความหนาที่ถ่ายเทน้ำและอากาศได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็แข็งแรงพอที่จะนำกลับมาใช้งานซ้ำได้ คัดเลือกช่วงแสงที่พืชต้องการและใช้สีที่ไม่ดึงดูดแมลง อีกทั้งสามารถออกแบบให้มีลักษณะตามการใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็น ถุงห่อ ถุงปลูก หรือวัสดุคลุมดิน ดังแสดงในภาพที่ 3 ซึ่งกระบวนการผลิตดังกล่าวนี้ใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่อุตสาหกรรมไทยมีอยู่แล้ว
ภาพที่ 3 คุณสมบัติต่างๆ ของ Magik Growth
ดร.ณัฐภพ กล่าวว่าตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา เราได้ทดลองใช้ Magik Growth ห่อผลไม้หลายชนิด เช่น ส้มโอทับทิมสยามและส้มจุกพบว่า ผิวส้มสวยไม่มีจุด ผลมีน้ำหนักดี กล้วยหอมพบว่า กล้วยมีคุณภาพดีขึ้น ปกติกล้วยหอม 1 เครือจะมีประมาณ 12 หวี โดยที่ 3 หวีบนสุดของเครือมักมีผลขนาดเล็กแต่เมื่อห่อด้วยถุง Magik Growth ผลจะมีขนาดใหญ่ขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อ 3 ปีที่แล้วได้ร่วมกับ ผศ.ดร.ลำแพน ขวัญพูล จากคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในการทดสอบห่อมะม่วงน้ำดอกไม้ และพบว่า มะม่วงมีผลสวย ไม่มีแมลง มีวิตามินซีสูงขึ้น มีความแข็งมากขึ้นทำให้ไม่ช้ำง่ายเวลาขนส่ง นอกจากนี้ยังร่วมกันทดสอบในทุเรียนด้วย
Magik Growth ชุดเกราะป้องกันราชา
Magik Growth สามารถนำไปใช้ห่อผลไม้ได้หลากหลายชนิด รวมถึงทุเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ไทยด้วย
ผศ.ดร.ลำแพน กล่าวถึงที่มาของการทดสอบกับทุเรียนว่า “ก่อนหน้านี้เคยร่วมวิจัยกับ ดร.ณัฐภพ เรื่องการห่อผลมะม่วงด้วย Magik Growth พบว่าให้ผลค่อนข้างดี ดังนั้นก็น่าจะนำถุงนี้มาใช้กับทุเรียนได้จึงทดลองนำมาใช้ในสวนทุเรียนของคุณนวลนภา”
ทีมวิจัยทดลองทำเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยเปรียบเทียบระหว่างการไม่ห่อผล การห่อโดยใช้ถุงตาข่ายสีฟ้า และถุง Magik Growth ที่มีสีแตกต่างกัน 4 สี เพื่อดูการคัดเลือกช่วงแสงที่แตกต่างกัน มีการเก็บข้อมูลอุณหภูมิและความชื้นภายในถุงตลอดช่วงการห่อตั้งแต่ 60-133 วัน
ภาพที่ 4 การห่อโดยใช้ถุงตาข่ายสีฟ้า และถุง Magik Growth ที่มีสีแตกต่างกัน
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังวัดขนาดทั้งด้านข้าง และความยาว ดูสีเนื้อ และวิเคราะห์ % น้ำหนักแห้ง หรือ %แป้ง ซึ่งทุเรียนหมอนทองควรมี % แป้งที่ 32% จึงจะผ่านเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ ซึ่งทีมวิจัยต้องการศึกษาว่าถุงห่อมีผลต่อพัฒนาการของผลทุเรียนทั้งเรื่องความเจริญเติบโตและความสุกแก่หรือไม่
จากการทดสอบเบื้องต้น เห็นแนวโน้มว่า Magik Growth ช่วยลดแมลงศัตรูพืชได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะสวนทุเรียนออร์แกนิก การห่อถุงจะช่วยลดการเข้าทำลายของสัตว์กัดแทะ เช่น กระรอก กระแต หรือ กระถิก ได้มาก อีกทั้งยังเห็นพัฒนาการของผลในเรื่องการเจริญเติบโตและการสะสมน้ำหนักแห้งค่อนข้างชัดเจนเมื่อเทียบกับผลที่ไม่ได้ห่อหรือห่อด้วยถุงตาข่ายสีฟ้า
ภาพที่ 5 ผลทุเรียนออร์แกนิกที่ไม่ห่อและห่อด้วยถุง Magik Growth
ถุง Magik Growth มีความเหมาะสมที่จะนำมาห่อผลทุเรียน เพราะนอกจากจะป้องกันโรคและแมลงได้แล้ว ยังแกะถุงห่อได้ง่ายโดยไม่โดนหนามเกี่ยว ทั้งยังสามารถออกแบบให้มีขนาด ความหนา และลักษณะการปิดปากถุง เช่น ใช้เชือกผูก ใช้ลวด หรือตีนตุ๊กแก ได้ตามที่เกษตรกรต้องการ
ภาพที่ 6 ลักษณะการปิดปากถุงแบบต่างๆ ใช้เชือกผูก (ซ้าย) ใช้ลวด (กลาง) หรือตีนตุ๊กแก (ขวา)
ดร.ณัฐภพกล่าวว่า “การห่อด้วย Magik Growth นอกจากจะช่วยป้องกันโรคและแมลงโดยไม่ต้องใช้สารเคมีแล้ว ยังทำให้ทุเรียนมีเปลือกบางลงและมีเนื้อหนาขึ้นด้วย โดยผลทุเรียนที่หนัก 2 กิโลกรัม เดิมมีน้ำหนักเนื้อ 1.2 กิโลกรัม แต่เมื่อห่อด้วย Magik Growth จะเพิ่มเป็น 1.4-1.5 กิโลกรัม ซึ่งจะเหมาะกับในอนาคตที่จะทำทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็ง”

ภาพที่ 7 ภาพเปรียบเทียบเปลือกทุเรียนที่ไม่ได้ห่อ (ซ้าย) และห่อด้วย Magik Growth (ขวา) จะเห็นว่าเปลือกบางลง
การที่ทุเรียนมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายทุเรียนเพิ่มมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนสุทธิระหว่างการห่อและไม่ห่อผลทุเรียนพบว่า การห่อให้ผลตอบแทนสุทธิที่สูงกว่าราว 75,000 บาทและยังมีข้อดีอื่นๆ ที่ไม่สามารถตีเป็นมูลค่าเงินได้อีกด้วย ดังแสดงในตารางที่ 1
ตารางที่ 1 แสดงผลตอบแทนสุทธิ ทั้งที่เป็นตัวเงินและตีเป็นเงินไม่ได้ เปรียบเทียบระหว่างการห่อและไม่ห่อผลทุเรียน
คุณนวลนภา กล่าวว่า “ถ้าเปรียบเทียบการห่อผลทุเรียนกับการใช้สารเคมีพบว่า การห่อลดต้นทุนได้อย่างชัดเจน เพิ่มคุณภาพผลผลิตได้ตามเป้า ช่วยให้เกษตรกรปลอดภัยจากสารเคมี เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ช่วยให้การบริหารจัดการภายในสวนง่ายขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสร้างความยั่งยืนให้แก่อาชีพทำสวนต่อไปในอนาคต”
ทีมวิจัยได้จดความลับทางการค้าของสูตรเม็ดสารประกอบโพลิเมอร์ที่มีสีคงทนต่อสภาวะแวดล้อมและสะท้อนแสงที่ช่วงคลื่นจำเพาะ รวมถึงอนุสิทธิบัตร เลขที่ 14718 เรื่องกระบวนการผลิตผ้าไม่ทอชนิดสปันบอนด์ที่มีสมบัติเพิ่มการเจริญเติบโตและผลิตผลของพืช และในปี พ.ศ. 2563 ได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์ Magik Growth ให้แก่บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) เรียบร้อยแล้ว
ในอนาคตทีมวิจัยมีแผนจะขยายผลการทดสอบไปยังพืชชนิดอื่นๆ รวมถึงพืชสมุนไพรอย่างกัญชาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารสำคัญอย่าง CBD หรือ แคนนาบิไดออล (Cannabidiol)[1] สำหรับใช้ประโยชน์ในการแพทย์
[1]CBD (Cannabidiol) เป็นสารที่พบในกัญชา มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดการชักเกร็ง ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย และมีคุณสมบัติยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกหลายชนิดในหลอดทดลอง และมีข้อบ่งใช้ที่ไม่เกิดพิษเมื่อใช้ในทางการแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก
ดร.ณัฐภพ สุวรรณเมฆ ทีมวิจัยสิ่งทอ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ
ผศ.ดร.ลำแพน ขวัญพูล คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
คุณนวลนภา เจริญรวย เจ้าของสวนทุเรียนที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
ทีมงาน NSTDA Chanel