![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/WLS-new-banne.jpg)
สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย งานพัฒนาคุณภาพการเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยี
สุขภาพและการแพทย์ เป็นหนึ่งในสี่สาขายุทธศาสตร์ของโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG Economy Model) โมเดลนี้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดดและเป็นวาระแห่งชาติปี พ.ศ. 2564-2569 กอปรกับการเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ (aged society) ของประเทศไทยในปัจจุบัน ทั้งยังคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2574 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มที่ (super-aged society) อีกด้วย ดังนั้นเพื่อรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ดร.สิทธา สุขกสิ และคณะ ทีมวิจัยการออกแบบเพื่อการเป็นอยู่ที่ดี ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ เล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุซึ่งเป็นสมาชิกของครอบครัวที่ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ทีมวิจัยได้พัฒนา ระบบดูแลผู้พักอาศัยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและปลอดภัย หรือ Well-Living Systems เพื่อเป็น “ผู้ช่วย” ให้ลูกหลานดูแลผู้สูงอายุได้อย่างปลอดภัยและอุ่นใจเสมือนได้ดูแลอย่างใกล้ชิด
ความเป็นมา..เพื่อก่อเกิดแนวคิด“ทุกคนที่บ้านสบายดี (All is well at home)”
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/Picture1.jpg)
นอกจากผู้สูงอายุในสังคมไทยมีจำนวนมากขึ้นแล้ว ยังพบว่าลูกหลานส่วนใหญ่ออกไปทำงานนอกบ้านหรือพักอาศัยต่างบ้าน จึงมีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่ต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง
ดร.สิทธา เล่าว่า จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในฐานะผู้ดูแลผู้สูงอายุ ทั้งภายในทีมวิจัย กลุ่มเพื่อน คนรู้จัก รวมถึงพาร์ทเนอร์ที่ทำงานร่วมกันต่างมีความเห็นพ้องกันว่าสิ่งที่ลูกหลานต้องการทราบในแต่ละวันคือ “ทุกคนที่บ้านสบายดี” โดยตระหนักถึงความสมดุลระหว่างความอุ่นใจทั้งผู้ดูแลและผู้ได้รับการดูแล
ดร. ศราวุธ เลิศพลังสันติ ผู้ร่วมทีมวิจัยเล่าเสริมว่า จากแนวคิด “ทุกคนที่บ้านสบายดี (All is well at home)” สานต่อมาเป็นคำถามว่า “ทำอย่างไรให้ผู้ดูแลรู้ว่าคนในบ้านสบายดีไหม โดยไม่ต้องรบกวนความเป็นส่วนตัว” ไม่ต้องโทรสอบถามบ่อยครั้งหรือสังเกตผ่านกล้องวงจรปิดภายในบ้าน
แตกต่างและตอบโจทย์
แม้ว่าปัจจุบันมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต หรือที่รู้จักกันว่าระบบ IoT (Internet of Things) ประเภทนี้อยู่แล้วตามท้องตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แต่จากคำถามข้างต้น ทีมวิจัยมองว่ายังไม่มีระบบใดที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้ทั้งหมด
ทีมจึงนำองค์ความรู้ที่สั่งสมมาคิดค้นและพัฒนาระบบให้เกิดความแตกต่าง ทั้งยังมีการใช้งานที่ครอบคลุมเหมาะกับรูปแบบความเป็นอยู่ของคนไทยที่มีลูกหลานคอยดูแลแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ตาม ทีมพัฒนาระบบดูแลผู้พักอาศัยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและปลอดภัย หรือ Well-Living Systems ด้วยปัญญาประดิษฐ์เพื่อใช้เป็น “ผู้ช่วย” ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ที่บ้านให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัย ลดการพึ่งพาผู้ดูแล เพื่อให้เป็นสูงวัยแบบพฤฒพลัง (active aging) ได้นานที่สุด
Well-Living Systems เป็นเทคโนโลยี IoT ที่ดูแลผู้สูงอายุได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือรายปี (subscription) จากค่าบริการเสริมต่างๆ อาทิเช่น บริการคอลเซ็นเตอร์ 24 ชั่วโมงเหมือนกับเทคโนโลยี IoT ของต่างประเทศ
เปลี่ยน pain point เป็น gain point ด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ Design thinking
ตกผลึกองค์ความรู้
ด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ ทีมวิจัยจึงเข้าใจและเล็งเห็นปัญหาหรือจุดบอด (pain point) ของอุปกรณ์ IoT ที่มีในท้องตลาดถึงสามอย่าง ได้แก่
- ข้อมูลที่วัดได้ไม่สามารถบ่งบอกถึงความเป็นอยู่ที่ดีได้ชัดเจน
สัญญาณหรือค่าที่วัดได้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถบ่งบอกถึงความปลอดภัย คุณภาพชีวิต หรือความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยได้ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น ค่าอุณหภูมิหรือคุณภาพอากาศจากการวัดด้วยเครื่องกรองอากาศ เป็นต้น
- วิธีการเข้าถึงข้อมูลยังขาดความเป็นส่วนตัวและต้องเฝ้าติดตามตลอดเวลา
แม้ว่าการดูแลผู้สูงอายุในช่วงเวลาที่อยู่ไกลกันเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใย แต่ผู้สูงอายุหลายท่านก็รู้สึกว่ากระทบความเป็นส่วนตัว ดร.สิทธา ยกตัวอย่าง หลายบ้านที่จ้างพี่เลี้ยงมาดูแลซึ่งอาจทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกขาดความเป็นส่วนตัว รวมถึงการติดกล้องวงจรปิด ip camera ซึ่งเป็นอุปกรณ์ IoT ที่ใช้ช่วยติดตามความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุภายในบ้าน แต่การสอดส่องผ่านกล้องดังกล่าวนอกจากจะทำให้ผู้สูงอายุภายในบ้านรู้สึกอึดอัด ขาดความเป็นส่วนตัวแล้ว ผู้ดูแลยังต้องหมั่นเปิดกล้องเพื่อติดตามอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากผู้ดูแลจะเห็นกิจกรรมต่างๆ ของผู้สูงอายุได้ในขณะที่เปิดกล้องเท่านั้น
ดร.สิทธา เน้นว่า สำหรับกล้องวงจรปิดนี้มีจุดบอดสำคัญหลายจุดเพราะกิจกรรมที่มีความเสี่ยงหรืออันตรายอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
- มีเพียงการแจ้งเตือนฉุกเฉินเท่านั้น
ดร.สิทธา อธิบายว่า การใช้อุปกรณ์เตือนฉุกเฉิน เช่น การกดขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลเป็นการเตือนที่เกิดขึ้นภายหลังเมื่อปัญหาเกิดผ่านไปแล้ว (hard warning) ดังนั้น การเตือนประเภทนี้ยังไม่ลดความกังวลใจได้เหมือนกับการอยู่ด้วยกัน ทีมวิจัยจึงอยากเติมเต็มจุดนี้โดยออกแบบระบบ Well-Living Systems ให้มีการเตือนด้วยสัญญาณที่แสดงถึงโอกาสที่อาจเกิดสิ่งผิดปกติ (soft warning) ขึ้นได้
ดร.สิทธา ยกตัวอย่าง การเตือนในกรณีที่มีกิจกรรมที่ผิดสังเกต เช่น วันนี้แม่ยังไม่ออกจากห้องนอนตามเวลาที่เคยเกิดขึ้นเป็นประจำ หรือ การเข้าครัวหรือดูทีวีเป็นประจำในช่วงเย็นของวันแต่วันนี้กลับไม่เห็น เป็นต้น
ระบบดูแลผู้พักอาศัยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและปลอดภัย (Well-Living Systems)
![Picture2 Picture2](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/elementor/thumbs/Picture2-prxw53hsxstbdm6b2hpwet4ki6egb3ru3ltxjbe50e.png)
ดร.สิทธา อธิบายถึงหลักการของระบบ Well-Living Systems ที่มีศูนย์กลางคือ LANAH (Learning and need-anticipating hub) และขับเคลื่อนด้วย LANAH AI (artificial intelligence) ที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้สูงอายุได้โดยการเชื่อมต่อกับระบบรับข้อมูลจากผู้สูงอายุ หรือ อุปกรณ์ IoT ที่มีอุปกรณ์ตรวจวัดต่างๆ หรือเซ็นเซอร์ (sensors) ซึ่งไม่มีกล้องจึงไม่รบกวนความเป็นส่วนตัว
พัฒนาให้เหมาะสมและมีราคาที่จับต้องได้
LANAH เป็นศูนย์กลางของระบบ Well-Living Systems ที่ทำหน้าที่คิดคำนวณและประมวลผลจากข้อมูลที่ได้รับมาจากเซ็นเซอร์ LANAH สามารถเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ได้หลายรูปแบบ (feature) และได้มากกว่าหนึ่งอุปกรณ์ เมื่อเซ็นเซอร์ได้รับข้อมูลแล้วจะส่งสัญญาณไปยัง LANAH ที่มี LANAH AI ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ทำหน้าที่เรียนรู้ วิเคราะห์และประมวลผลจากพฤติกรรม โดยสามารถแยกแยะและตรวจจับความผิดปกติ รวมถึงประเมินกิจกรรมที่เกิดขึ้นได้ หากพบความผิดปกติจะมีการแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลผ่าน LANAH Application และสื่อข้อความเสียง ผ่านลำโพงแบบไร้สาย (wireless speaker) มายังผู้สูงอายุที่บ้าน
ดร.สิทธา อธิบายว่า ทีมวิจัยเริ่มต้นพัฒนา hub ขึ้นมากันเองโดยเน้นเรื่องของราคาเพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้ ทีมวิจัยจึงเลือกใช้เพียงไมโครโพรเซสเซอร์ที่มีต้นทุนราวสามถึงสี่พันบาทเป็นตัวประมวลผลใน hub แทนการใช้คอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูง
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีฟังก์ชันการใช้งานได้ตามต้องการ โดยมีทั้งแบบที่ดัดแปลงจากเซ็นเซอร์สำเร็จรูป เช่น อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (occupancy sensor) และแบบที่พัฒนาขึ้นเองทั้งหมด เช่น อุปกรณ์ตรวจจับการพลัดหกล้ม (fall detection sensor)
ตัวอย่างอุปกรณ์และแอปพลิเคชันในระบบ
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/messageImage_1649047137651-1600x986.jpg)
Logger
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/Logger-1600x898.jpg)
ดร.สิทธา ยกตัวอย่างเซ็นเซอร์ Logger ที่เป็นตัวช่วยบันทึกเวลาการทำกิจกรรม เช่น เวลาทานยา อุปกรณ์นี้ทำงานร่วมกับ LANAH AI ในการเรียนรู้พฤติกรรมการทำกิจกรรม และช่วยเตือนเมื่อลืมทำกิจกรรมนั้นด้วยการส่งเสียงผ่านลำโพงไร้สาย
เพื่อให้ผู้สูงอายุใช้งานง่าย ทีมวิจัยได้ออกแบบ Logger ให้มีปุ่มกดเพียงปุ่มเดียวและมีหลักการที่ไม่ซับซ้อน ดร.สิทธา เล่าว่า เพียงวาง Logger ไว้ใกล้ยาที่ผู้สูงอายุต้องทาน และเมื่อทานยาแล้วให้กดหนึ่งครั้ง เมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้จะส่งไปยังระบบการเรียนรู้ของเครื่อง หรือแมชชีนเลิร์นนิง (machine learning) โดยระบบดังกล่าวจะเรียนรู้พฤติกรรมจากข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้สูงอายุมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไป ระบบก็สามารถเรียนรู้และสร้างรูปแบบได้ใหม่ในทุกเช้าวันจันทร์ จึงไม่ต้องกังวลว่าอุปกรณ์จะจดจำแต่พฤติกรรมเดิม
นอกจากนี้ ดร.สิทธา ยังให้ความมั่นใจกับผู้ใช้งานว่า ข้อมูลเหล่านี้ถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยซึ่งให้เพียงแมชชีนเลิร์นนิงเรียนรู้อยู่ใน LANAH ของแต่ละบ้านเท่านั้น จึงไม่มีโอกาสที่ข้อมูลจะรั่วไหลไปยังภายนอกหรือถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางการตลาดได้ในอนาคต
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/Gunther2-1600x922.jpg)
Gunther
ดร. ศราวุธ อธิบายถึงหลักการทำงานของอุปกรณ์ตรวจการจับตกรูปแบบสวมใส่ มีชื่อเรียกว่า Gunther belt และแบบติดผนังที่เรียกว่า Gunther bath
Gunther belt เป็นอุปกรณ์ที่มีเซ็นเซอร์วัดแรงกระแทก วัดค่าความเร่ง และวัดความเร็วเชิงมุมในการเคลื่อนที่ของผู้สวมใส่ หากผู้สวมใส่หกล้มหรือมีการกระแทกพื้นจะมีการเตือนไปยัง LANAH APP เช่นเดียวกับ Gunther bath อุปกรณ์นี้ใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ ที่เป็นเทคโนโลยีอัลตราไวด์แบนด์ (Ultra-wideband radar) ที่สามารถส่งคลื่นวิทยุออกไปให้กระทบกับวัตถุเพื่อตรวจสอบการสะท้อนกลับและสามารถยืนยันลักษณะการเคลื่อนไหวได้ เช่น ท่ายืน ท่านั่ง ท่านอน หรือ เดิน รวมถึงการเปลี่ยนท่า ซึ่งขณะนี้ทีมวิจัยสามารถพัฒนาให้เซ็นเซอร์แยกแยะได้ระหว่างการเปลี่ยนท่ายืนเป็นท่านอนกับท่ายืนเป็นท่านั่งได้ เมื่อเซ็นเซอร์แยกแยะและเก็บข้อมูลได้แล้ว หากพบว่ามีการเปลี่ยนจากท่ายืนหรือนั่งไปเป็นท่านอน ซึ่งจากสมมติฐานที่ว่า ถ้าอยู่ในห้องน้ำแล้วอยู่ในท่านอนนั่นหมายถึงเกิดการล้มเท่านั้น เซ็นเซอร์ก็จะส่งข้อมูลไปยังระบบทันที
นอกจากนี้ ระบบ Well-Living Systems ยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ตรวจจับความผิดปกติอีกหลายแบบดังนี้
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/occupancy-sensor-1600x900.jpg)
Occupancy sensor
อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวในแต่ละพื้นที่
เรียนรู้พฤติกรรมการใช้เวลาในบ้านของผู้อยู่อาศัย
เช่น ปกติช่วงสายวันอาทิตย์มักจะมีคนอยู่ในครัว
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/Door-sensor.jpg)
Door sensor
อุปกรณ์ตรวจจับการเปิด-ปิดประตู เรียนรู้พฤติกรรมการเปิด-ปิดประตูต่างๆ เช่น จำนวนครั้งปกติที่ประตูห้องน้ำมักจะถูกเปิดช่วงดึก
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/Gate-sensor.jpg)
Gate sensor
อุปกรณ์ตรวจจับระยะเวลาการเข้าไปแต่ละพื้นที่ เรียนรู้พฤติกรรมการใช้เวลาในพื้นที่ต่างๆ เช่น ระยะเวลาการอยู่ในห้องน้ำที่ปกติ
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/Logger-1.jpg)
Logger
อุปกรณ์บันทึกเวลาการทำกิจกรรม เช่น เวลากินยา เรียนรู้พฤติกรรมการทำกิจกรรมนั้น และช่วยเตือนเมื่อผู้อยู่อาศัยอาจลืม ด้วยการส่งเสียงผ่านลำโพงไร้สาย
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/Wireless-speakers.jpg)
ลำโพงไร้สาย
เป็นอุปกรณ์ที่สามารถวางได้สะดวกทุกที่ในบ้าน ทำงานร่วมกับ LANAH App เพื่อช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้รับฟังข้อความเสียง (voice message) ที่ผู้ดูแลที่อยู่ไกลส่งผ่าน LANAH App มาที่บ้านในกรณีฉุกเฉิน
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/Bell.jpg)
Bell
อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน มีกระดิ่งเพื่อเรียกคนอื่นในบ้าน และแจ้งเตือนเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลที่อยู่ไกลผ่าน LANAH AI
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/Gunther2-1.jpg)
Gunther
อุปกรณ์ตรวจจับเมื่อผู้อยู่อาศัยเกิดการหกล้ม มี 2 รูปแบบ สวมใส่ (Belt) หรือติดผนัง (Bath) ที่ไม่มีกล้องใช้งานในพื้นที่ส่วนตัวได้ เช่น ห้องน้ำ แจ้งเตือนเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลที่อยู่ไกลผ่าน LANAH App
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/Check-in.jpg)
Check-in
อุปกรณ์ที่ให้ผู้สูงอายุส่งสัญญาณทักทายคนในครอบครัวหรือเพื่อนที่อยู่ห่างไกลได้แบบเงียบๆ โดยไม่รบกวนเวลา ผ่าน LANAH App หรืออุปกรณ์ Check-in ของผู้รับ
![](https://www.mtec.or.th/wp-content/uploads/2022/07/LANAH-App.jpg)
LANAH App
แอปพลิเคชันสำหรับสมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต ช่วยให้ผู้ดูแลที่อยู่ไกลได้รับการแจ้งเตือนเมื่อมีการประเมินว่ามีเหตุฉุกเฉินหรือพฤติกรรมที่ผิดปกติที่บ้าน และสามารถส่งข้อความเสียง (voice message) ไปถึงผู้อยู่อาศัยที่บ้านผ่านลำโพงไร้สาย
สถานภาพงานวิจัย
ระบบ Well-Living Systems ได้ทดสอบการใช้งานภาคสนามมาแล้ว 3 ครัวเรือน และมีผลการทดสอบโดยรวมเป็นที่น่าพอใจ ดร.สิทธา เล่าว่า พบข้อบกพร่องเล็กน้อยจากประสบการณ์ของผู้ทดสอบ ซึ่งทีมวิจัยได้ปรับปรุงและวางแผนทดสอบการใช้งานภาคสนามเพิ่มเป็น 10 – 15 ครัวเรือนในรอบถัดไปโดยจะเก็บประสบการณ์ของผู้ทดสอบ รวมถึงข้อมูลทางเทคนิคที่ได้รับการอนุญาตจากผู้ทดสอบเพื่อนำมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับแผนการถ่ายทอดเทคโนโลยี ดร.สิทธา กล่าวว่า ระบบ Well-Living Systems พร้อมถ่ายทอดให้กับผู้สนใจ ทั้งผู้สูงอายุ ครอบครัวของผู้สูงอายุ หรือผู้ประกอบการต่างๆ อาทิ เช่น สถานพยาบาลที่ให้บริการผู้ดูแลผู้สูงอายุ ผู้พัฒนาอุปกรณ์ ioT ที่ใช้ในบ้าน ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันของสมาร์ตโฟน ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และผู้ให้บริการระบบ smart home เป็นต้น โดยทีมวิจัยสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีไปพร้อมกับการพัฒนาร่วมกันได้
สนใจติดต่อ
ผู้สนใจทดลองใช้และร่วมเก็บข้อมูลการใช้งานเพื่อให้ข้อเสนอแนะในการวิจัยพัฒนา หรือผู้สนใจรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาต่อยอดร่วมกัน ติดต่อได้ที่ ดร.สิทธา สุขกสิ อีเมล sitthas@mtec.or.th หรือ well.living.systems@gmail.com
ขอบคุณข้อมูลจาก
ดร.สิทธา สุขกสิ และ ดร. ศราวุธ เลิศพลังสันติ ทีมวิจัยการออกแบบเพื่อการเป็นอยู่ที่ดี ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค)
เรียบเรียงบทสัมภาษณ์โดย มาริสา คุณธนวงศ์