บริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย
งานสื่อสารและขับเคลื่อนความรู้
ฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยีวัสดุ

คุณณิชมน ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายนวัตกรรมธุรกิจ บริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด

บริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2532 และดำเนินธุรกิจด้านการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทอุปโภคชั้นนำของประเทศไทย บริษัทฯ ร่วมมือกับ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) ดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการผลิตสินค้าคุณภาพสูงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคที่ดีมากขึ้น พร้อมมุ่งมั่นยกระดับความสุขของผู้บริโภคให้ทุกวันดียิ่งขึ้น ภายใต้แบรนด์สินค้าอันเป็นที่รู้จักกันดี เช่น Fineline, D-nee, BeNice, TROS, Eversense, Vivite, Smart และ Tomi

บริษัทฯ เริ่มต้นจากการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทโคโลญ โรลออน โดยมีแนวคิดที่ต้องการยกระดับผลิตภัณฑ์ไทยให้มีคุณภาพและตามมาตรฐานระดับสากลในราคาที่เหมาะสม ต่อมาได้ขยายไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายอื่นๆ (toiletries products) ตลอดจนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (household products) เพื่อตอบโจทย์และรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและความเป็นมิตรกับชุมชมโดยรอบ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างยั่งยืน

คุณณิชมน ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายนวัตกรรมธุรกิจ บริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด กล่าวว่า “หลักการทำงานของบริษัทฯ คือการให้ความสำคัญกับ ‘คุณภาพ’ เพื่อตอบโจทย์ทั้งความต้องการและความปลอดภัยของผู้บริโภค บริษัทฯ จึงตั้งทีมวิจัยขึ้นเพื่อให้สามารถปรับปรุงสูตรได้ตามความต้องการ ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่พัฒนาขึ้นต้องผ่านกระบวนการศึกษาและวิจัยทางการตลาด การสำรวจความคิดเห็น และการให้กลุ่มตัวอย่างได้ทดลองใช้ ตลอดจนการทดสอบเชิงเทคนิคต่างๆ”

“เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เป็นผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสกับร่างกายผู้บริโภค เราจึงต้องทดสอบการก่อแพ้และระคายเคือง (allergy test) เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคก่อนส่งเข้าสู่กระบวนการผลิตและจัดจำหน่ายสู่ตลาด เราทำวิจัยในหลายแง่มุม ทั้งด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และด้านการรับรู้ของแบรนด์ เป็นต้น” คุณณิชมน กล่าวเสริม

คุณณิชมนยกตัวอย่างกรณีสำคัญ เช่น “ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวเรื่องแป้งฝุ่นโรยตัวที่มีส่วนประกอบหลัก คือ ทัลคัม (talcum) ที่อาจมีการปนเปื้อนของแร่ใยหิน บริษัทฯ ทราบว่าซับพลายเออร์ได้ส่งให้เอ็มเทคเป็นผู้ทดสอบ เราจึงเข้ามาดูว่าเอ็มเทคสามารถทดสอบอะไรได้อีกบ้างเพื่อหาจุดขายของผลิตภัณฑ์ เมื่อได้รับทราบขีดความสามารถของเอ็มเทคแล้ว หลังจากนั้นจึงได้ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ซักผ้าเพื่อให้เอ็มเทคทดสอบมาอย่างต่อเนื่อง ผลการทดสอบพบว่าผลิตภัณฑ์ซักผ้าของเราสามารถย่อยสลายได้จริงในน้ำภายใน 28 วัน ซึ่งไม่ส่งผลเสียกับระบบนิเวศน์”

เมื่อสอบถามเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม คุณณิชมน กล่าวถึงที่มาของการให้ความสำคัญและการใช้บริการงานทดสอบการย่อยสลายได้ทางชีวภาพของวัสดุกับเอ็มเทคว่า

“บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม จึงได้ริเริ่มไอเดียรักษ์โลก โดยคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่สามารถย่อยสลายได้ในน้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราเริ่มจากการคัดเลือกใช้วัตถุดิบที่สามารถย่อยสลายได้ ควบคุมการผลิตให้มีคุณภาพ และเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ซักผ้าของเราเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ทิ้งสารตกค้างในสิ่งแวดล้อม เราจึงส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ซักผ้ามาทดสอบการย่อยสลายทางชีวภาพของสารเคมีที่เอ็มเทค เพราะทราบว่าเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าเครื่องมือที่ทันสมัย นักวิจัยที่เชี่ยวชาญ และมีความรู้ทางเทคนิคที่สามารถให้คำปรึกษาได้ ทั้งยังได้รับการรับรองความสามารถ ISO 17025 จากสถาบัน DIN CERTCO ประเทศเยอรมนี เราจึงมั่นใจว่าเอ็มเทคสามารถช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ครอบคลุมประสิทธิภาพทั้ง 3 ด้านคือ คุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผล”

สำหรับข้อเสนอแนะในส่วนของบริการทดสอบการย่อยสลายได้ทางชีวภาพของวัสดุที่ผ่านมา คุณณิชมน กล่าวว่า “บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและได้รับคุณภาพตามมาตรฐานในระดับสากล แม้ว่าเอ็มเทคมีเครื่องมือที่พร้อมให้บริการด้านที่ตรงกับสิ่งที่เป็นโจทย์การทำงานของบริษัทอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องการให้เอ็มเทคเพิ่มเติมคือ การเพิ่มจำนวนตัวอย่างในการทดสอบให้มากขึ้นที่จากเดิมส่งได้เพียง 5 ตัวอย่าง เนื่องจากมีบางช่วงที่บริษัทฯ ต้องการออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลายตัวพร้อมกัน ทำให้ไม่สามารถส่งทดสอบได้พร้อมกันทั้งหมด แต่โดยภาพรวมพอใจกับบริการของเอ็มเทคที่มีการทำงานอย่างมีระบบ สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนดและทำให้เราสามารถนำมาใช้วางแผนการทำงานต่อได้ นอกจากนี้ ยังมีระบบให้ลูกค้าได้ประเมินความพึงพอใจ และหากตัวอย่างไหนมีปัญหา บริษัทฯ ก็จะได้รับคำแนะนำจากนักวิจัย ซึ่งแสดงถึงการให้ความสำคัญกับผลงานที่ส่งมอบที่เน้นด้านคุณภาพเช่นกัน”

สำหรับสิ่งที่คาดหวังในอนาคต บริษัทฯ ให้ความสนใจนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย คุณณิชมน กล่าวเสริมว่า “เพื่อให้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นและความตั้งใจของบริษัทฯ ที่ต้องการยกระดับความสุขให้แก่ผู้บริโภคเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆ วัน ในอนาคตบริษัทฯ ต้องการที่จะวิจัยและพัฒนาร่วมกับเอ็มเทคในเรื่องอื่น อีกทั้งต้องการให้เอ็มเทคแนะนำการทดสอบที่เป็นประโยชน์ที่จะช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานในระดับสากล และบริษัทฯ ต้องการเยี่ยมชมศักยภาพด้านอื่นๆ ของเอ็มเทคเพิ่มเติมด้วย”

“บริษัทฯ มีแรงจูงใจการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมตามวิสัยทัศน์ขององค์กร ปัจจุบันเมื่อเมืองเริ่มขยายเข้ามาใกล้ที่ตั้งของโรงงาน เราก็ต้องใส่ใจกับชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงและทำกิจกรรมเพื่อรับผิดชอบต่อสังคมในหลายๆ ด้าน เช่น การใช้โซลาร์เซลล์เพื่อประหยัดพลังงาน การบำบัดน้ำเสียและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ การลดเลิกการใช้ไมโครพลาสติกในส่วนผสมผลิตภัณฑ์ และการทำกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility, CSR) เพื่อมุ่งเน้นแนวคิดลดขยะให้เป็นศูนย์ (zero waste) เป็นต้น” คุณณิชมน กล่าวปิดท้าย