ณ ท็อปส์ มาร์เก็ต เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 :- กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์และท็อปส์ เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ "Active PAKTM ถุงหายใจได้" ผักอร่อยสดนานยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยี EMA (Equilibrium Modified Atmosphere) ที่สร้างสมดุลบรรยากาศภายในบรรจุภัณฑ์ จึงคงความสด คุณค่า และรสชาติของผักให้สด อร่อย ได้นานสูงสุด 2-5 เท่า ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค พร้อมตอกย้ำจุดยืนของท็อปส์ที่เป็นผู้นำซูเปอร์มาร์เก็ตที่ส่งความสดให้ผู้บริโภค พร้อมสานต่องานวิจัยและพัฒนาร่วมกับ สวทช.
ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สวทช. เป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีหน้าที่หลักในการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยออกไปใช้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ และสร้างคุณค่าให้แก่สังคม โดย “โครงการนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์แบบยั่งยืนเพื่ออุตสาหกรรมผลิตผลสดของไทย” ภายใต้โครงการวิจัยที่มุ่งผลกระทบเชิงเศรษฐกิจระดับพันล้านบาท เป็นโครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ที่ริเริ่มโดย สวทช. เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักวิจัยเข้าใจและเข้าถึงความต้องการของภาคเอกชนได้อย่างแท้จริง ทำให้สามารถพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ภาคอุตสาหกรรมได้ ดังเช่นเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ Active PAKTM สู่ผลงานนวัตกรรม “ถุงหายใจได้” ที่พัฒนาขึ้นโดย หน่วยวิจัยโพลิเมอร์ ห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีพลาสติก เอ็มเทค สวทช. ซึ่งเป็นงานวิจัยที่จับต้องได้ ก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีจากผลงานวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรมไทย ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตรของไทย ด้วยคุณสมบัติของถุงที่สามารถคงความสด คุณค่า และรสชาติของผลิตผลสด ได้แก่ ผักและผลไม้ต่างๆ ได้นานสูงสุด 2-5 เท่า
“และในวันนี้ นวัตกรรมเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ Active PAKTM หรือถุงหายใจได้ดังกล่าว มีการนำไปใช้ประโยชน์จริงแล้วในภาคอุตสาหกรรม ทั้งในส่วนของการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ผู้ผลิตฟิล์มบรรจุภัณฑ์พลาสติก และผู้ประกอบการที่เป็นผู้ใช้งานอย่าง เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ เพื่อใช้สำหรับคงความสดของผักที่วางจำหน่ายบนชั้นวางได้ยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นความสำเร็จร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งเมื่อภาคเอกชนเห็นความสำคัญของการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์แล้ว ย่อมจะส่งผลให้มูลค่าการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศเพิ่มมากขึ้น ลดการนำเข้าหรือการใช้งานเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และต้นทุนของการผลิตจะถูกลง เหล่านี้ล้วนมีผลให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนได้ในท้ายที่สุด” ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล กล่าว